นายก มอบนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ

 นายก มอบนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมมอบนโยบาย และแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด รวมไปถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจทั่วประเทศ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วม นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้


 
นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง ทั้งกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วันนี้ไม่ได้เชิญทุกท่านมากระชับอำนาจให้ แต่มาขอแรงจากทุกท่านทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน มาช่วยกันทำให้การค้าทาสในยุคใหม่หมดไปจากประเทศไทยด้วยกัน ซึ่งพี่น้องเพื่อนร่วมชาติจำนวนมากมีความทุกข์ ถูกพรากอิสรภาพในการใช้ชีวิตเพราะมีหนี้สินจองจำพวกเขาอยู่ พวกท่านในฐานะข้าราชการฝ่ายปกครองที่ทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข และเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เชื่อมั่นว่าพวกท่านสามารถช่วยพี่น้องประชาชนให้มีอิสรภาพ ต่อชีวิต สร้างขวัญและกำลังใจให้ได้ ซึ่งในฐานะนายกฯ จำเป็นต้องขอพึ่งพาความรู้ความสามารถของพวกท่าน ช่วยให้พี่น้องประชาชนเป็นอิสระ หลุดพ้นพันธนาการจากหนี้นอกระบบนี้ รัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ ที่พวกเราทุกคนจะต้องมาร่วมแรงร่วมใจกัน แก้ไขปัญหานี้ให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินที่สูงอย่างไม่เป็นธรรม การทวงถามหนี้ที่มีลักษณะคุกคามขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้าย ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและความสงบเรียบร้อยของสังคม
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้ได้แถลงนโยบายที่ทำเนียบรัฐบาลไปแล้วเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 และ ครม.ก็ได้มีคำสั่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ระหว่างที่ไป ครม. สัญจร สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการ ขับเคลื่อน และประสานงานร่วมกัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยในวันนี้ มีผู้บริหารระดับสูงและผู้นำหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนทั่วประเทศมารวมกัน ณ ที่แห่งนี้ จึงอยากให้ทุกท่านได้รับรู้ และทำความเข้าใจที่ตรงกันว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนั้น เป็นวาระสำคัญของชาติจริง ๆ นี่ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาเพื่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล ของตนเอง หรือของหน่วยงานท่าน แต่นี่คือการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ให้สามารถฟื้นกลับมาใช้ชีวิตโดยไม่ต้องหวาดระแวง และมีรอยยิ้มได้โดยทั่วกัน
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกระบวนการเกี่ยวกับการร้องเรียน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการทั้งหมด ที่ประชาชนจะเข้ามาสัมผัส มาเล่าให้ฟังถึงความเดือดร้อน วันนี้เราทำต่างจากที่เคยทำมาในอดีต ขอให้บูรณาการช่องทางให้หลากหลาย เพื่อให้พี่น้องประชาชนเลือกเข้าไปในช่องทางที่พวกเขารู้สึกสะดวก ปลอดภัย โดยช่องทางแรก กระทรวงมหาดไทยได้เปิดให้มีการลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบผ่านศูนย์ดำรงธรรม ทั้งในระดับจังหวัดและระดับอำเภอ รวมถึงเบอร์ติดต่อ 1567 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา ถึงวันนี้มีลูกหนี้ที่มาลงทะเบียนแล้วกว่า 71,000 คน รวมยอดมูลหนี้นอกระบบกว่า 3,500 ล้านบาท
 
นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สายด่วน 1599 และประชาชนก็สามารถเข้าไปที่โรงพักใกล้บ้านเพื่อแจ้งเหตุได้ ในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรี มีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สายด่วน 1111 ที่ประชาชนทั่วประเทศสามารถร้องเรียนความเดือดร้อนปัญหาหนี้นอกระบบได้ โดยเมื่อรับเรื่องร้องเรียนแล้ว ข้อมูลของประชาชนจะมีการประสานเชื่อมโยงฐานข้อมูลจากทุกช่องทางเข้ามาด้วยกัน เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ได้รับการดูแลไม่ให้ตกหล่น และเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่มีการบิดเบือน ประชาชนที่ลงทะเบียนก็จะได้รับเลข Reference Number ในทุก ๆ กรณี เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง โดยประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้าหรือสถานการณ์การดำเนินการที่ได้ร้องเรียนไว้บนเว็บไซต์ของภาครัฐได้ตลอดเวลา
 
นายกรัฐมนตรีย้ำขอให้ทุกคนร่วมกันเป็นกระบอกเสียง ช่วยกันสื่อสาร เชื้อเชิญให้ประชาชนที่มีความเดือดร้อนเข้ามาลงทะเบียน ไม่ว่าจะเป็นการทวงหนี้จากแก๊งหมวกกันน็อค เว็บไซต์ให้กู้ยืมออนไลน์ หรือเจ้าหนี้นอกระบบในรูปแบบอื่น ๆ ทุกการสื่อสารของพวกท่าน ล้วนเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขหนี้นอกระบบประสบผลสำเร็จ หลังจากที่เรื่องร้องเรียนเข้ามาในระบบแล้ว ส่วนกลางจะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดประเภทเรื่องที่ร้องเรียน ก่อนส่งไปให้ในแต่ละพื้นที่ดำเนินการต่อ ซึ่งถ้าพบว่ามีกรณีที่องค์ประกอบความผิดครบ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงานอัยการสามารถดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีได้ทันที ย้ำว่าถ้าองค์ประกอบความผิดครบ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ไม่ได้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด แต่เชื่อว่าในหลาย ๆ ครั้ง เจ้าหนี้และลูกหนี้ก็ยังพร้อมที่จะประนีประนอมกันได้ ก็ขอให้เชิญเข้ามาไกล่เกลี่ยกัน ให้เข้ามาร่วมกันหาทางออกอย่างสันติวิธี และถูกต้องตามกฎหมาย จัดทำเป็นสัญญาประนีประนอมต่อกัน ตามแบบฟอร์มที่กระทรวงมหาดไทยได้จัดเตรียมไว้ และกำหนดอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลา และงวดผ่อนชำระหนี้ที่เหมาะสมกับศักยภาพการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย ซึ่งตนเองเชื่อว่าจะเป็นทางออกที่ดีทั้งกับเจ้าหนี้และลูกหนี้
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การดำเนินการทั้งหมดตั้งแต่รับเรื่อง รัฐบาลจะมีการติดตามผล โดยสำนักนายกรัฐมนตรีจะทำการติดต่อติดตามผล เพื่อดูว่าทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้สามารถดำเนินการตามข้อตกลงที่ทำไว้ได้หรือไม่ หากยังพบปัญหาไม่สามารถดำเนินการตามสัญญาฉบับใหม่ได้ ก็จะขอเชิญเจ้าหนี้และลูกหนี้เข้ามาร่วมกันแก้ไขข้อตกลงให้เหมาะสมกันอีกครั้ง หรือถ้าในภายหลัง พบว่ายังมีการข่มขู่ หรือเจ้าหนี้ไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาไกล่เกลี่ยฯ จนเป็นเหตุให้ลูกหนี้เดือดร้อน พนักงานฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องร่วมกันบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป โดยกระบวนการทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิลูกหนี้ หรือเจ้าหนี้ในการใช้สิทธิอื่น ๆ ตามกฎหมาย หรือกระบวนการยุติธรรมอื่น ๆ แต่ขอย้ำว่าเป็นกระบวนการที่เจ้าหนี้และลูกหนี้ ร่วมกันสมัครใจเข้ามาเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยรัฐยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือทั้งในชั้นการไกล่เกลี่ย การให้คำแนะนำ และการให้ความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินของรัฐ เข้าใจดีว่าในหลายครั้ง ลูกหนี้ตั้งใจที่จะฟื้นฟูศักยภาพ และต้องการช่องทาง แหล่งเงินอื่น ๆ นอกเหนือจากเจ้าหนี้ที่กล่าวไป
 
“กระทรวงการคลัง และสถาบันการเงินของรัฐจะเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามโครงการที่ได้จัดเตรียมไว้ ซึ่งขั้นตอนที่ผมกล่าวไปทั้งหมดมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของพี่น้องประชาชนที่ตกเป็นทาสหนี้นอกระบบ ขอให้ทุกท่านศึกษาและทำความเข้าใจกระบวนการปฏิบัติงานซึ่งจะเป็นมาตรฐานในการทำงานให้ถ่องแท้ ซึ่งประกอบไปด้วยขั้นตอนตั้งแต่การรับเรื่อง การช่วยเหลือ การไกล่เกลี่ย การบังคับทางกฎหมาย และอื่นๆ รวมทั้งขอให้ทั้งเจ้าหน้าที่มหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง ร่วมกันศึกษาในรายละเอียดของกันและกัน ให้เข้าใจถึงความรับผิดชอบของทุกภาคส่วน เพื่อให้การทำงานไม่ซ้ำซ้อน บูรณาการได้จากทุกฝ่าย” นายกรัฐมนตรีกล่าว  
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า หนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน ที่อำนาจตามกฎหมายของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งไม่เพียงพอที่จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างครบวงจร จึงขอให้ทุกท่านทำงานร่วมกัน ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง หรือกระทรวงการคลัง ให้ใช้อำนาจอย่างถูกต้องตามที่ถืออยู่ตามกฎหมาย ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในขณะที่ท่านก็สามารถปฏิบัติราชการได้อย่างสบายใจ ซึ่งขั้นตอนที่กล่าวไปนั้น เป็นขั้นตอนมาตรฐานที่ตนเองมั่นใจว่าทุกท่านในที่นี้ มีความสามารถที่จะปฏิบัติตามได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ในส่วนที่สำคัญและอยากจะลงรายละเอียดให้มากขึ้นคือ ขั้นตอนที่เข้าใจว่าในทางปฏิบัติมีความท้าทายเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่ การไกล่เกลี่ยประนีประนอมข้อพิพาท ซึ่งขั้นตอนนี้ เป็นทั้งศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณ การคิดดอกเบี้ยหนี้สิน และเป็นทั้งศิลป์ที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ปัญหาที่ท่านอาจจะพบ คือการที่เจ้าหนี้หรือลูกหนี้ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย อาจจะต้องออกไปพบ ไปพูดคุย เชิญชวน ซึ่งเป็นมาตรการที่ตนเรียกว่าไม้อ่อน เพื่อให้พวกเขาสมัครใจเข้ามาสู่กระบวนการ และในหลาย ๆ ครั้ง เจ้าหน้าที่อาจจะต้องเป็นผู้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการบังคับ ซึ่งเป็นไม้แข็ง ในการนำเจ้าหนี้หรือลูกหนี้เข้าสู่ระบบ
 
นายกรัฐมนตรีย้ำอีกว่า ขอให้ทุกคนไม่ยอมแพ้ ไม่ท้อถอย ไม่หยุดช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะในกรณีที่พวกเขาไม่ยอมสมัครใจเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งตนเองขอมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ที่มีพฤติการณ์กระทำผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนนานาชนิด ต้องแก้ปัญหาให้ได้ อย่าปล่อยผ่าน ทุกคนต้องต้องนำความรู้ด้านการทำสัญญาประนีประนอม ที่ต้องระบุรายละเอียดเจ้าหนี้และลูกหนี้ให้ชัดเจน กำหนดมูลหนี้ การคิดอัตราดอกเบี้ย การยกเลิกเพิกถอนสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และเงื่อนไขอื่น ๆ ในการบังคับคดีหรือสิทธิในทางศาลได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย ขอฝากให้ใช้ศาสตร์และศิลป์อย่างตรงไปตรงมาในการดำเนินงานนี้
 
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการทำงานเราจะต้องมีเป้าหมาย ขอประกาศเป้าหมายว่า หนี้นอกระบบจะต้องได้รับการแก้ไขโดยเด็ดขาด ทั้งฝ่ายปกครองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องมีการกำหนดตัวชี้วัดหรือ KPI ที่เหมาะสมและกรอบเวลาที่ชัดเจน โดยขอมอบหลักการกว้าง ๆ ดังนี้ จะต้องไม่ตั้งเป้าหมายที่ “ง่ายเกินไป” จนไม่สามารถวัดผลอะไรได้ และไม่ “ยากเกินไป” จนเป็นเหตุให้ผู้ปฏิบัติงานรู้สึกไม่อยากเริ่มทำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรจะต้องกำหนดระยะเวลาดำเนินการในการจับกุมเพื่อดำเนินการให้เร็วที่สุด และระยะเวลาการทำสำนวนการสอบสวน ทางกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายปกครอง ควรกำหนดสัดส่วนเรื่องที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และเรื่องที่เจ้าหนี้ลูกหนี้ร่วมกันทำสัญญาประนีประนอมได้สำเร็จ กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการแต่ละขั้นตอน ทั้งในชั้นรับเรื่องร้องเรียนถึงการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และชั้นการทำสัญญาประนีประนอม ไว้ให้ชัด และไม่นานจนเกินไป โดยกรอบข้างต้นเป็นกรอบกว้าง ๆ ที่ผู้บริหารจะต้องช่วยกันนำไปย่อยเป็นเป้าเล็ก ๆ ให้เป็นความสำเร็จ เพื่อให้ปัญหาที่ระบบลดน้อยลงไป
 
“เข้าใจว่าพวกท่านมีงานหลายด้าน หลายมิติ อยากให้รักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของตนด้วยการทำเพื่อประชาชน ทำงานรับรอง “นาย” แต่พอควร และรับใช้ประชาชนให้มากขึ้น และผมตระหนักดีครับว่า ภารกิจในครั้งนี้แม้จะเป็นเรื่องที่หนักและเหนื่อย ในบางเหตุการณ์อาจจะมีความเสี่ยงภัย เกิดเหตุอันตรายขึ้นได้กับทั้งผู้ปฏิบัติงานหรือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน แต่หากทุกท่านได้เข้าช่วยเหลือประชาชนแม้เพียงคน ๆ เดียว ให้เขาได้พ้นจากความทุกข์ มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งญาติ ลูกหลานของเขา ให้หลุดพ้นจากพันธนาการหนี้ที่ไม่มีวันสิ้นสุดนี้ได้ ท่านควรจะมีความสุขมาก ๆ นะครับ เป็น Change for Good สร้างความสุข สร้างรอยยิ้มคืนอิสรภาพให้พี่น้องประชาชน นั่นคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ สมเกียรติและศักดิ์ศรีในฐานะข้าราชการ ผู้บำบัดทุกข์บำรุงสุข และผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ