• 23 พฤศจิกายน 2024

พร้อม ‘เข็น’ กฎหมายยุบ กอ.รมน. แต่นายกฯ ต้องไม่ปัดตก เปิดโอกาส สส. ไปว่ากันต่อในสภาฯ

 พร้อม ‘เข็น’ กฎหมายยุบ กอ.รมน. แต่นายกฯ ต้องไม่ปัดตก เปิดโอกาส สส. ไปว่ากันต่อในสภาฯ

ร่างกฎหมาย “ยุบ กอ.รมน.” อยู่ในชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศ ซึ่งพรรคก้าวไกลยื่นเข้าสภาฯ เป็นชุดแรกตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ต่อมาประธานสภาฯ วินิจฉัยว่าเป็นร่างเกี่ยวด้วยการเงิน ทำให้ถ้าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนฯ ร่างต้องได้รับคำรับรองจากนายกรัฐมนตรี

.

หัวใจสำคัญของร่างกฎหมายนี้ คือเสนอให้มีการปฏิรูปกองทัพและระบบงานความมั่นคงของประเทศ สถาปนาหลักการประชาธิปไตยที่รัฐบาลพลเรือนเป็นใหญ่ ทำให้กองทัพอยู่ห่างออกจากการเมืองมากที่สุด และอีกด้านหนึ่งคือการเปิดโอกาสสำหรับการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

นายก

หลังจากเป็นกระแสในโลกออนไลน์ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่ามีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายฉบับนี้หลักพันหลักหมื่นคน ในที่สุดเมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ก็แสดงจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับการยุบ กอ.รมน. ไม่ได้อยู่ในความคิดของรัฐบาลนี้ “ให้เป็นเรื่องของพรรคนั้น ๆ เข็นเข้าสู่สภาเอง”

.

วันนี้ (1 พ.ย.) รอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย เชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี เขต 6 พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการทหาร คนที่หก จึงร่วมแถลงข่าวยืนยันความจำเป็นของการเสนอร่างกฎหมาย ยุบ กอ.รมน.

ความจำเป็นข้อใหญ่ๆ

.

(1) เพื่อทำให้ความมั่นคง ไม่ใช่เรื่องที่ถูกผูกขาดอยู่เพียงบทบาทและหน้าที่ของกองทัพเท่านั้น แต่ต้องเป็นเรื่องของประชาชน ถูกกระจายออกสู่มือของหน่วยงานพลเรือน ภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐบาลพลเรือน

.

(2) เพื่อให้การบริหารราชการ มีความโปร่งใสและชอบธรรม เพราะที่ผ่านมามีข้อถกเถียงและข้อกล่าวหาต่อ กอ.รมน. จำนวนมาก เกี่ยวกับการใช้งบประมาณที่มากเกินจริงและไม่โปร่งใส

.

เช่น กรณีล่าสุดเรื่องบัญชีผี หรือกรณีปฏิบัติการทางทหารที่เกี่ยวกับเด็ก ที่ครั้งหนึ่ง กอ.รมน. เคยระบุในเอกสารงบประมาณถึงตัวชี้วัด คือการพยายามเปลี่ยนความคิดเด็กอายุ 1-5 ขวบ ซึ่งต้องถามว่าเป็นกรอบคิดแบบไหนที่มองเด็กเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งแบบนั้น

.

ตั้งแต่อดีตพรรคอนาคตใหม่จนมาถึงพรรคก้าวไกล กอ.รมน. เป็นองค์กรที่ถูกตรวจสอบอย่างหนัก โดยเฉพาะปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) เราพบว่าการพยายามด้อยค่าแพร่มลทินของ กอ.รมน. ส่งผลด้านกลับทำให้ผู้คนเกิดความไม่เชื่อมั่นต่ออำนาจรัฐ ปฏิบัติการเหล่านี้เป็นหนึ่งในงานการเมืองที่สำคัญ ถ้าเราปล่อยให้หน่วยงานภายใต้กรอบคิดแบบนี้ทำงานต่อไป จะจำกัดโอกาสและทางเลือกของสังคมไทยในการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งและจุดบรรจบที่ลงตัวในทางการเมืองที่จะอยู่ร่วมกันระหว่างรัฐกับประชาชน

.

“เกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ทิศทางการคลี่คลายความขัดแย้งนำโดยวิธีคิดแบบทหาร ทั้งที่หน่วยงานความมั่นคง ควรมีหน้าที่และอำนาจจำกัดอยู่เพียงการรักษาบูรณภาพแห่งดินแดน ควรทำหน้าที่ของรั้ว ไม่ใช่เอารั้วเข้ามาในห้องนั่งเล่นในพื้นที่ของพลเรือน ถ้าเรามี กอ.รมน. ซึ่งเป็นองค์กรตกทอดจากยุคสงครามเย็น ที่มีมุมมองต่อประชาชนว่าเป็นภัยคุกคาม การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งจะทำได้ยากลำบาก”

นายก

[ ภาพลักษณ์รัฐบาลพลเรือนเสี่ยงมัวหมอง ถ้านายกฯ ไม่รับรองร่าง ]

.

ปัจจุบันร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกวินิจฉัยโดยประธานสภาฯ ว่าเป็นร่างเกี่ยวด้วยการเงิน ต้องให้นายกฯ ให้คำรับรองเพื่อให้มีการพิจารณาต่อในสภาผู้แทนฯ โดยการให้หรือไม่ให้คำรับรองนั้น อาจไม่เกี่ยวข้องกับท่าทีหรือจุดยืนว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการยุบ กอ.รมน. เพียงแต่เป็นการเปิดโอกาสให้กลไกทางรัฐสภาได้ทำหน้าที่ต่อไป

.

เพราะแม้แต่ในพรรคร่วมรัฐบาลก็อาจเห็นต่างกัน เช่น อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ โดยเฉพาะ สส. จากพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้

.

จากประสบการณ์ของรอมฎอน เห็นว่านโยบายยุบ กอ.รมน. ได้รับเสียงตอบรับเยอะมาก แทบเป็นฉันทามติของผู้คนในพื้นที่ที่มีการบังคับใช้กฎหมายพิเศษและอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของ กอ.รมน. ดังนั้น เชื่อว่าเพื่อนสมาชิก สส. ที่มาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ อาจมีท่าทีที่เห็นต่างไปจากนายกฯ และเราควรรับฟังเหตุผลของเขา

.

“ถ้าท่านไม่ให้คำรับรอง อาจทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลพลเรือนที่ควรมีอำนาจเหนือกองทัพมัวหมอง ดังนั้นเพื่อยืนยันว่าท่านในฐานะ ผอ.รมน. และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีสิทธิอำนาจอย่างเต็มที่ ไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลใด ก็น่าเปิดโอกาสให้ผู้แทนราษฎรได้ถกเถียงกัน ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัว เพราะเราเถียงกันด้วยเหตุผลและสู้กันในการโหวต ซึ่งเป็นกลไกปกติของสภาผู้แทนราษฎร”

กอรมน

ชี้ช่องโหว่ เว็บรับฟังความเห็นประชาชน ]

รอมฎอนกล่าวต่อถึงช่องทางการรับฟังความเห็นของประชาชนต่อร่างกฎหมายฉบับนี้ในเว็บไซต์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ว่าเพิ่งตระหนักว่ากลไกของสภาฯ มีอิทธิพลมีพลังอย่างมาก จำได้ว่าเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา เปิดดูเว็บไซต์ มีคนแสดงความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายนี้แค่ 2 คน!! หลายกฎหมายก็มักเป็นอย่างนี้

.

เลยลองโพสต์คลิปลงโซเชียลมีเดีย ถามผู้คนว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะยุบ กอ.รมน. หลังจากนั้นก็มีคนหลั่งไหลเข้ามาแสดงความคิดเห็นเยอะมาก เพิ่มขึ้นเป็นหลักพันหลักหมื่น จนตอนนี้ถือเป็นความสำเร็จของสภาผู้แทนฯ ที่มีคนเข้ามาดูร่างกฎหมายถึง 250,000 คน และมีคนแสดงความเห็นกว่า 46,000 คน โดยผลออกมาปรากฏว่าคะแนนไม่เห็นด้วยนำอยู่ ซึ่งถ้าความเห็นของสาธารณะเป็นแบบนี้จริง ในมุมของ กอ.รมน. และนายกฯ ก็ไม่ควรกังวลอะไร

แต่ประเด็นสำคัญคือ มีการตั้งข้อสังเกตในโลกออนไลน์อยู่พอสมควร

(1) ตัวคำถามในเว็บไซต์อาจกำกวม ทำให้คนที่เห็นด้วยกับการยุบ กอ.รมน. อาจจะตอบว่าไม่เห็นด้วย โดยเข้าใจว่าหมายถึงไม่เห็นด้วยกับ กอ.รมน. โดยจากที่ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเครื่องมือนี้ ก็ยอมรับว่าอาจมีความเห็นในลักษณะนี้

(2) คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สะท้อนมาว่ารู้สึกไม่มั่นใจระบบ เพราะเว็บไซต์ต้องระบุเลขบัตรประจำตัวประชาชน เกรงว่าแสดงความเห็นแล้วจะมีผลกระทบกับเขาหรือไม่ เพราะหลายครั้งการสำรวจความคิดเห็นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเรื่องล่าสุดคือการประเมินผลการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็มีแบบสอบถามลงไปในพื้นที่ ให้ระบุชื่อ ที่อยู่ ลงลายเซ็น ว่าเห็นด้วยกับการขยายหรือไม่

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ ได้รับคำตอบว่าการระบุตัวตน จะเป็นข้อมูลลับ ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ และมีการจัดเก็บข้อมูลแยกส่วนจากความคิดเห็น

(3) ปัญหาโหวตซ้ำ ทำให้มีการประเมินว่าตัวเลขคนที่ไม่เห็นด้วยที่เข้ามาเยอะๆ อาจมาจากการโหวตซ้ำ ซึ่งตามข้อเท็จจริง ทางเจ้าหน้าที่ก็พบความเห็นที่มีลักษณะคล้ายการคัดลอกข้อความเหมือนๆ กัน

ถึงอย่างนั้น แม้ความเห็นของประชาชนที่เข้ามาจะมีความสำคัญมาก แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เหตุผลของการมีระบบนี้ คือการเปิดพื้นที่ เพื่อให้สภาฯ สามารถจัดทำเป็นเอกสารรายงานสรุปให้ สส. เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณากฎหมาย ทั้งนี้ รอมฎอนจะทำหนังสือถึงรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ซึ่งกำกับดูแลระบบงานนี้ เพื่อขอข้อมูลและคำชี้แจงเกี่ยวกับระบบอย่างเป็นทางการต่อไป

นายก

3 ทางเลือกนายกฯ เศรษฐา

หลังจากนี้ มีทางเลือกสำหรับนายกฯ เศรษฐา 3 ทาง

– ทางเลือกที่ 1 ให้คำรับรองร่างกฎหมายยุบ กอ.รมน. เพื่อเดินไปตามกลไกปกติ คุยกันต่อในสภา

– ทางเลือกที่ 2 จะด้วยแรงกดดันหรืออะไรก็แล้ว นายกฯ อาจไม่ให้คำรับรอง ซึ่งรอมฎอนทราบว่าขณะนี้มีคำแนะนำอย่างเป็นทางการจากทาง กอ.รมน. ส่งหนังสือไปยังเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่าไม่ให้นายกฯ รับรองร่างกฎหมายนี้

– ทางเลือกที่ 3 ปล่อยเกียร์ว่าง เพราะตามกฎหมายไม่ได้บอกว่านายกฯ ต้องส่งร่างกลับมาที่สภาฯ ภายกี่วัน ในสมัยอดีตนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีร่างกฎหมายเกี่ยวด้วยการเงินที่ค้างไว้กว่า 40 ฉบับ

แต่ไม่ว่านายกฯ จะเห็นอย่างไร การยุบ กอ.รมน. ก็ยังเป็นวาระทางการเมืองที่สำคัญของรอมฎอนและของพรรคก้าวไกล ซึ่งหลังจากนี้อาจดำเนินการในอีก 2 ช่องทาง

– ช่องทางแรก คือการหยิบยกเรื่องนี้ไปคุยในคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ที่รอมฎอนเป็นกรรมาธิการ

– ช่องทางที่สอง คือการเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยภาคประชาชน แม้ไม่ได้เป็นบทบาทโดยตรงของ สส. หรือของพรรคก้าวไกล แต่ก็มีโอกาสในการพบปะพูดคุยกับภาคประชาชนหรือนักวิชาการ เพื่อเพิ่มพื้นที่ถกเถียงเรื่องนี้

หรือจะเป็นอีกจุดเปลี่ยน ขยายบทบาท กอ.รมน.?

ด้านเชตวัน กล่าวว่า จากคำสัมภาษณ์ของนายกฯ หลังการประชุม กอ.รมน. เมื่อวานนี้ ที่บอกว่าไม่ได้พูดเรื่องยุบ กอ.รมน. มีแต่พูดเรื่องใช้ “ที่ดินกองทัพ” มาให้ประชาชนใช้ประโยชน์ นี่ก็ยิ่งหมายความว่ากองทัพเป็นแกนหลักอยู่ในองค์กรนี้ และอาจเป็นอีกครั้งหนึ่งที่จะขยายบทบาทของ กอ.รมน. มายุ่งเกี่ยวกับสาธารณะ กับประชาชนมากขึ้น

โดยก่อนหน้านี้ จุดเปลี่ยนแรกคือการมีกฎหมายรับรองออกมาหลังรัฐประหาร 2549 ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุฬานนท์ นั่นคือ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ซึ่งก็คือกฎหมายที่พรรคก้าวไกลได้เสนอร่างกฎหมายเพื่อจะไปยกเลิกนั่นเอง

จุดเปลี่ยนต่อมาหลังการรัฐประหาร 2557 คำสั่งหัวหน้า คสช.51/2560 แก้กฎหมายที่รับรอง กอ.รมน.ฉบับนี้ โดยได้นิยามความมั่นคงที่ให้ กอ.รมน. เข้าไปมีบทบาทมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบภัยคุกคาม, ภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งจากภายในและภายนอก รวมถึงภัยดังกล่าวที่อาจเกิดจากการกระทำของบุคคลหรืออาจเกิดจากธรรมชาติ

ดังนั้น ทางที่ดี แม้นายกฯ อาจไม่เห็นด้วยกับการยุบ แต่ควรให้เรื่องนี้ถูกนำมาพูดคุยถกเถียงกันในสภาผู้แทนราษฎร ว่าจะยุบหรือจัดที่จัดทางให้ กอ.รมน. องค์กรที่มีทหารเป็นแกนหลัก ที่มีอำนาจสารพัดในสาธารณะอย่างไร

ที่มา เพจพรรคก้าวไกล