พิมพ์เขียวอนาคตก้าวไกล : บทบาทของสมาชิกในการสร้างพรรคและเปลี่ยนประเทศ

 พิมพ์เขียวอนาคตก้าวไกล : บทบาทของสมาชิกในการสร้างพรรคและเปลี่ยนประเทศ

พ.ร.ป. พรรคการเมือง พ.ศ. 2566 กำหนดไว้ว่า พรรคการเมืองที่จะส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. ในจังหวัดใดก็ตาม ต้องมี “ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด” นั้น ๆ นี่คือสิ่งที่ทุกพรรคการเมืองต้องดำเนินการตามอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ก้าวไกล

อย่างไรก็ตาม สำหรับพรรคก้าวไกลที่สร้างตัวและเติบโตขึ้นมาด้วยประชาชนและผู้สนับสนุน โครงสร้างตามกฎหมายนี้ย่อมไม่เพียงพอต่อการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสมาชิก รวมถึงการสร้างพรรคการเมืองที่เข้มแข็งและอยู่ได้ด้วยประชาชน เป็นของประชาชนจริง ๆ

ก้าวไกล

นั่นคือเหตุผลที่ทำให้พรรคก้าวไกลมีภารกิจหนึ่งที่สำคัญ คือการขยายฐานสมาชิกให้ได้ถึง 1 แสนคนภายในสิ้นปี 2566 – ต้นปี 2567 และการจัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการสาขาพรรคประจำจังหวัดและตัวแทนพรรคประจำอำเภอให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งเป็นโครงสร้างที่พรรคก้าวไกลกำหนดให้มีขึ้นใหม่ ในการขับเคลื่อนการดำเนินการของพรรคในระดับพื้นที่

ก้าวไกล

เหมือนอย่างกิจกรรมวันนี้ที่ จ.ชลบุรี ซึ่งสมาชิกพรรคก้าวไกลในจังหวัดชลบุรีได้มารวมตัวกันเพื่อประชุมเลือกตั้งคณะกรรมการสาขาพรรคประจำจังหวัด โดยมีหัวหน้าพรรคก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน ร่วมเป็นสักขีพยานและกล่าวเปิดงาน สรุปสาระสำคัญและภารกิจของพรรคก้าวไกลในการสร้างพรรคที่เข้มแข็งของสมาชิก

ก้าวไกล

อาจกล่าวได้ว่า นี่คือพิมพ์เขียวของโครงสร้างพรรคก้าวไกลในอนาคต เพื่อเป้าหมายสู่การเป็นพรรคของสมาชิก

🗳️ [ ตัวแทนพรรคประจำอำเภอ และคณะกรรมการสาขาพรรคประจำจังหวัด ]

“ตัวแทนพรรคประจำอำเภอ” เป็นโครงสร้างที่ไม่มีในกฎหมายพรรคการเมือง แต่พรรคก้าวไกลกำหนดให้มีขึ้นมาเอง เพื่อเป้าหมายในการให้สมาชิกพรรคเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมและการสร้างพรรคไปด้วยกัน โดยมาจากการเลือกตั้งของสมาชิกพรรคในแต่ละอำเภอที่มีความพร้อมด้านสมาชิกที่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดไว้

ตัวแทนพรรคประจำอำเภอจะมีบทบาทสำคัญมากในวันข้างหน้า เพราะจะเป็นตัวแทนเสียงของสมาชิกพรรคก้าวไกล และจะเป็นเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมใหญ่ของพรรคในอนาคต

อาจเป็นรูปภาพของ 6 คน และ ผู้คนกำลังอ่านหนังสือ

ส่วนคณะกรรมการสาขาพรรคประจำจังหวัด เป็นมากกว่าตัวแทนพรรคประจำจังหวัดตามที่กฎหมายกำหนด เพราะเป็นโครงสร้างที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของสมาชิกพรรคในแต่ละจังหวัด โดยเกณฑ์คือจังหวัดไหนที่มีสมาชิกพรรคเกิน 700 คนแล้ว ให้จังหวัดนั้นสามารถมีการเลือกตั้งคณะกรรมการสาขาพรรคประจำจังหวัดขึ้นมาได้

องค์ประกอบของคณะกรรมการ ประกอบด้วย 4 ตำแหน่งเป็นอย่างน้อย คือ หัวหน้า รองหัวหน้า เหรัญญิก และนายทะเบียน และให้ตัวแทนพรรคประจำอำเภอในจังหวัดนั้น ๆ เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง

และในจังหวัดไหนที่มีตัวแทนเครือข่ายของพรรคที่ได้รับการรับรองและทำหน้าที่อย่างเป็นทางการ เช่น เครือข่ายผู้ใช้แรงงาน และเครือข่ายชาติพันธุ์ ก็จะให้มีตัวแทนร่วมเป็นกรรมการพรรคประจำจังหวัดด้วย

โครงสร้างนี้มีความสำคัญอย่างไร? นี่คือกลไกที่สำคัญสำหรับพรรคก้าวไกลในการเดินหน้าภารกิจการสร้างรากฐานของพรรคให้เข้มแข็ง สร้างกิจกรรมที่สมาชิกพรรคเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เช่น การตัดสินใจใช้งบประมาณ การออกแบบกิจกรรม ออกแรงกำลัง เวลา ความคิด ทรัพยากร ฯลฯ มาช่วยกันขับเคลื่อนพรรคก้าวไกลให้เติบโตเข้มแข็งมากขึ้นในทุกระดับ

ก้าวไกล

โดยเฉพาะในการคัดสรรผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในช่วงปีหน้านี้ นี่คือโครงสร้างที่จะดึงสมาชิกพรรคในท้องถิ่นนั้น ๆ เข้ามามีบทบาทสำคัญที่สุดในการเป็นผู้กำหนดและคัดสรรผู้สมัครด้วยตนเอง สร้างบทเรียนและประสบการณ์ของสมาชิกพรรคร่วมกัน

โดยในระยะใกล้ อาจยกเว้นเพียงสองตำแหน่งที่ส่วนกลางของพรรคจะเข้ามาร่วมคัดสรรด้วย คือ นายก อบจ. และ นายกเทศบาลนคร แต่ถ้าในอนาคตเรามีกลไกสมาชิกพรรคที่เข้มแข็งมาก ส่วนกลางอาจไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวอีกเลย

ส่วนการคัดสรรผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเป็น สส. โครงสร้างนี้จะดึงสมาชิกพรรคในแต่ละจังหวัดให้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยในการเลือกตั้ง 2566 ที่ผ่านมา ได้มีการทดลองให้แต่ละจังหวัดมีคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัดเป็นด่านแรกในการคัดสรร ประเมิน สัมภาษณ์ มอบหมายการทดลองงาน และนำเสนอกับคณะกรรมการสรรหาในส่วนกลางและคณะกรรมการบริหารพรรคไปแล้ว

ต่อไปเมื่อโครงสร้างนี้เข้มแข็งมากขึ้น อำนาจในการคัดสรรจะอยู่ที่สมาชิกพรรคในแต่ละอำเภอและจังหวัดมากขึ้นเรื่อย

นี่คือทิศทางของพรรคที่จะกระจายอำนาจ เพื่อให้สมาชิกพรรคไม่ใช่แค่เรื่องของจำนวนเท่านั้น

⚡[ เป้าหมายสมาชิก 1 แสนคน สู่การสร้างพรรคของสมาชิก ]

สมาชิกพรรคก้าวไกลทั้งประเทศเมื่อสิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมามีจำนวนกว่า 79,000 คนแล้ว อีกเพียง 2 หมื่นกว่าคนก็จะถึงเป้าหมาย 1 แสนคนตามที่เราตั้งเป้าเอาไว้ในปลายปีนี้-ต้นปีหน้า

แต่เรื่องของสมาชิกพรรคสำหรับเราแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลข เพราะเป้าหมายของเราคือการได้เห็นพรรคก้าวไกลเติบโตและเป็นพรรคที่อยู่ได้ด้วยสมาชิกพรรคจริง ๆ

วันนี้แม้เรายังเดินทางไปไม่ถึงเป้าหมายสูงสุดตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่นับตั้งแต่ที่เราเกิดมาจนถึงบัดนี้ พรรคก้าวไกลก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพรรคการเมืองที่อยู่ได้ด้วยประชาชนจริง ๆ นอกจากการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรค ที่สำคัญก็คือเงินบริจาค ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา หากนับเฉพาะเงินบริจาคที่มาจากภาษี พรรคก้าวไกลก็เป็นแชมป์มาโดยตลอด

เฉพาะเงินส่วนนี้ก็ทำให้เราเข้าใกล้การเป็นพรรคการเมืองที่ดำเนินกิจกรรมได้ด้วยเงินจากภาษีอย่างเดียวแล้ว หากเงินบริจาคในส่วนนี้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ได้อีกสัก 2-3 เท่า พรรคก้าวไกลก็จะเป็นพรรคที่อยู่ได้ด้วยเงินบริจาคจากภาษีล้วน ๆ กิจกรรมหลายอย่างที่พรรคก้าวไกลดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการสัมมนาและการประชุมสมาชิก เกือบทั้งหมดล้วนใช้ค่าใช้จ่ายจากเงินที่ประชาชนบริจาคผ่านภาษีทั้งสิ้น นี่ยังไม่นับรวมเงินบริจาคจากประชาชนทั่วไปเป็นครั้ง ๆ มาช่วยด้วย

พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่เก็บเงินค่าสมาชิกพรรคจริง ๆ และไม่ยอมลดค่าสมัครสมาชิก 100 บาทต่อปี และ 2,000 บาทตลอดชีพด้วย เพราะเราอยากได้สมาชิกพรรคที่ตั้งใจและยอมเสียเงินให้พรรคการเมืองเพื่อการเป็นสมาชิกพรรคจริง ๆ โดยในอนาคตเราจะพยายามจัดกิจกรรมให้สมาชิกเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เพื่อที่สมาชิกทุกคนที่เสียเงินมาแล้วจะได้ใช้สิทธิในฐานะสมาชิกพรรคอย่างเต็มที่ มีปากเสียงกำหนดว่าพรรคจะทำอะไรในแต่ละพื้นที่จนถึงระดับประเทศ

ก้าวไกล

💪[ สร้างพรรคก้าวไกล สร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ]

สิ่งที่พรรคก้าวไกลจะทำต่อไปในระยะข้างหน้า คือการเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ที่จะผลักดันกฎหมาย นโยบาย และประเด็นที่จะแก้ปัญหาของประชาชนให้มากที่สุด โดยใช้กลไกต่าง ๆ ที่มี เพื่อเตรียมการเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้า

และการจะไปสู่จุดนั้นได้ พรรคก้าวไกลต้องขยายคนให้ได้มากที่สุด ดึงคนมาร่วมกันทำงานขับเคลื่อนพรรคและประเทศให้มากที่สุด สะสมความรู้ความเข้าใจในการแก้ปัญหาประเทศ เข้าใจสังคมไทยให้มากที่สุด ขยายเครือข่ายต่าง ๆ ในการทำงานเพื่อผลักดันนโยบายแก้ปัญหาประเทศให้มากที่สุด ทั้งเครือข่ายในพื้นที่และกลุ่มประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่พรรคก้าวไกลอยากสร้างความเปลี่ยนแปลง และสุดท้าย คือการกำหนดวาระและนโยบายสำคัญในการสร้างประเทศไทยที่เราอยากเห็นร่วมกัน

เราต้องมีทีมงานและทีมผู้บริหารที่พร้อมจะบริหารประเทศในอนาคตให้มากที่สุด เมื่อไรก็ตามที่เกิดการเลือกตั้งครั้งใหม่ขึ้น พรรคก้าวไกลจะต้องพร้อมในการนำเสนอทีมงานและนโยบายที่ดีที่สุด จับต้องได้ที่สุด เพื่อการเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า